มาแล้ว Canon iNSPiC ถ่ายปุ๊บพิมพ์ปั๊บ

Canon iNSPiCpiccneww

Canon iNSPiCpicc

ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหลายคนก็มักจะกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยว แต่หลายท่านคงเคยประปัญหากับการเดินทางไปท่องเที่ยวแล้วอยากเก็บภาพประทับใจแล้วอยากอัพลงสื่อสังคมออนไลน์ทันที แต่บางครั้งกล้องที่เราใช้กันก็ไม่สามารถจะทำเช่นนั้นได้ บางครั้งต้องรอจนเดินทางกลับทำให้การเดินทางรู้สึกทำได้ขาดช่วง หรือความรู้สึกที่อยากลงนั้นหมดไป ในบทความนี้เองเราก็มีผลิตภัณฑ์ที่จะมาตอบโจทย์ให้กับความสะดวกสบายของทุกท่านกับ Canon iNSPiC ที่สามารถถ่ายรูปพร้อมกับพิมพ์ออกมาได้ในทันทีด้วยสโลแกน ถ่ายปุ๊บพิมพ์ปั๊บ มาถึงตรงนี้ทุกท่านคงจะอยากรู้กันแล้วว่าเจ้ากล้องตัวนี้สามารถทำอะไรได้บ้าง ถ้าพร้อมแล้วก็ไปดูพร้อมกันเลย

ล่าสุด Canon ก็ได้เปิดตัว Canon iNSPiC ที่มีดีไซน์ขนาดเล็กเหมาะกับการพกพา อีกทั้งยังออกแบบมาเพื่อเอาใส่ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนด้วยการออกสีมาถึง 3 รุ่น คือ รุ่น P คือเป็นเครื่องปริ้น รุ่น C ปริ้นจากมือถือไม่ได้ และรุ่น S คือรวมความสามารถจากทั้ง 2 รุ่นเข้าด้วยกันนั่นเอง ตัวเครื่องเป็นสีดำ และตัวเครื่องก็ได้ออกแบบมาในรูปแบบที่บาง เบา จับถนัดมือ ซึ่งการเครื่องพิมพ์ในกล้องรุ่นนี้ก็ได้มาด้วยเทคโนโลยีแบบใหม่ที่ไม่ต้องใช้น้ำหมึกที่เรียกว่า ZINK Zero Ink™ ที่จะนำเอาเทคโนโลยีความร้อนมาใช้ในการพิมพ์ภาพแทนการใช้น้ำหมึก ด้วยเหตุผลนี้เราก็ไม่ต้องเติมหมึก ก็ยังได้รูปที่สวยงามด้วย ซึ่งกระดาษที่พิมพ์ก็จะเป็นกระดาษขนาด 2×3 นิ้ว กระดาษนี้ก็สามารถป้องกันรอยขีดข่วนได้ด้วย และคุณสมบัติอีกอย่างหนึ่งของฟิล์มก็ยังสามารถเป็นสติ๊กเกอร์ไว้ใช้แปะลงบนวัสดุต่าง ๆ ได้อีกด้วย

และในรุ่น S ก็ยังเพิ่มความสามารถด้วยการเพิ่มไฟล์ LED รอบเลนส์ของการถ่ายรูปได้อีกด้วย นอกจากนี้ในรุ่นนี้ก็ยังมีสีให้เลือกได้ถึง 3 สี คือ เพิร์ลไวต์ (Pearl White) แมตต์ แบล็ก (Matte Black) และโรสโกลด์ (Rose Gold) มาพร้อมกับความละเอียดกล้องถึง 8 ล้านพิกเซล สามารถส่งรูปเข้าโทรศัพท์ และส่งกลับมาปริ้นได้อย่างสะดวกสบาย

รุ่น C เป็นรุ่นที่ให้มาพร้อมกล้องความละเอียดอยู่ที่ 5 ล้านพิกเซลที่มีให้เลือกถึง 3 สีเช่นกัน คือ ชมพูบับเบิ้ลกัม (Bubble Gum Pink) เหลืองบัมเบิ้ลบี (Bumble Bee Yellow)  และน้ำเงินซีไซด์ (Seaside Blue) เป็นรุ่นที่ถ่ายแล้วสามาถพิมพ์ได้เลย

สุดท้ายก็คือรุ่น P เป็นเครื่องปริ้นขนาดพกพาสามารถเลือกรูปจาก Bluetooth สื่อสังคมออนไลน์ได้ซึ่งมาพร้อมกับสีสันให้เลือกถึง 3 สี คือ เขียวมินต์ โรสโกลด์  และสีเทาอมน้ำเงิน เหมาะสำหรับพกพาไปทุกที่เพื่อปริ้นภาพในความทรงจำเพื่อส่งต่อให้คนที่คุณรัก

ช่างภาพอิสระ กับ ช่างภาพประจำมีดีต่างกันอย่างไร

pic

A02FE85E-AD60-C42A-7CE4-2FCF5FB0C136

ในยุุคที่โทรศัพท์มือถือที่เราพกพากันอยู่ในชีวิตประจำวันนั้นสามารถถ่ายภาพได้ผลงานออกมาแทบจะไม่ต่างจากการถ่ายภาพด้วยการใช้กล้องถ่ายภาพขนาดใหญ่เลย ด้วยเหตุนี้เองจึงได้เกิดนักถ่ายภาพที่เราเรียกว่าเหล่าช่างภาพเกิดขึ้นมาเป็นจำนวนมาก แต่ด้วยอาชีพช่างภาพเองนั้นก็มีช่างภาพอยู่หลายแขนงออกไป ไม่ว่าจะเป็นช่างภาพอิสระ หรือช่างภาพประจำเอง ซึ่งแต่ละช่างภาพในแต่ละแขนงที่เกิดขึ้นนั้นก็มีเสน่ห์และลักษณะงานที่แตกต่างกันออกไป จนทำให้หลายคนเกิดความสับสนว่าช่างภาพแต่ละแขนงที่แตกต่างกันออกไปนี้มีลักษณะการทำงานที่แตกต่างกันอย่างไรบ้าง ซึ่งในบทความนี้เราจะพาทุกท่านมาไขความสงสัยกันว่า ช่างภาพอิสระกับช่างภาพประจำมีดีต่างกันอย่างไร ถ้าพร้อมแล้วเราก็มาทำความรู้จักกับอาชีพนี้ไปพร้อมกันเลย

แน่นอนว่าเมื่อเราต้องการจ้างงานช่างภาพหรือต้องการชมภาพผลงานที่เกิดจากช่างภาพต่าง ๆ เราก็มักจะเกิดความสนใจในงานนั้น ๆ เกิดขึ้นว่า แท้ที่จริงแล้วเบื้องหลังผลงานที่สวยงามที่เรากำลังชมกันอยู่นั้นเกิดจากช่างภาพประเภทไหน อย่างที่ทราบกันไปแล้วข้างต้นว่า ช่างภาพเป็นอาชีพที่แยกย่อยออกไปได้หลายต่อหลายแขนง ซึ่งในบทความนี้เราจะพามารู้จักกันกับ 2 แขนงคือ

  • ช่างภาพอิสระ เป็นอาชีพจากกลุ่มคนที่รักในการถ่ายภาพ ซึ่งเป็นอาชีพหนึ่งที่สร้างรายได้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งสิ่งที่สร้างรายได้ให้กับงานช่างภาพอิสระนั้น แน่นอนว่าจากชื่อแล้ว ช่างภาพอิสระเป็ฯงานที่ไม่มีการผูกมัด แทบจะเรียกได้ว่าเป็นงานอาชีพเกี่ยวกับทางฟรีแลนซ์ ซึ่งรายได้ที่รายรับก็จะมาจากการเผยแพร่ผลงานทางสื่อสังคมออนไลน์ หรืออาจจะมาจากถ่ายภาพเพื่อขายในวงการก็จะเรียกว่าการ ถ่ายภาพ Stock ขายเพื่อให้คนที่สนใจนำภาพไปใช้ประโยชน์และจ่ายค่าตอบแทนให้ตามที่ได้ทำการตกลงกันไว้ หรือการรับงานจ้างตามที่ได้รับการตกลงกันไว้ตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งเป็นอาชีพที่ทำได้อย่างอิสระ เรียกว่าเป็นการขายความคิดสร้างสรรค์สะส่วนใหญ่จนกว่าจะมีคนมาสนใจงานนั้น ๆ

ช่างภาพประจำ งานช่างภาพประจำก็จะต่างจากงานช่างภาพอิสระก็คือเป็นงานที่จำเป็นต้องมีสัญญาผูกมัด เป็นงานที่โดยขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ที่มาว่าจ้างว่าต้องการให้งานภาพออกมาเป็นในรูปแบบใด ตัวอย่างงานก็จะได้แก่งานถ่ายแบบ งานถ่ายรีวิวสินค้า เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ว่าจ้าง ไม่มีอิสระทางความคิดเหมือนกับงานของช่างภาพอิสระ แต่ทั้งสองสายนี้ต่างก็มีเสน่ห์ในตัวเองที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคล

สถานที่ช่างภาพงานแต่งนิยมพากันไปถ่ายภาพ

toscana picture new

 

Rama 2 Park, Samut Songkhram Province

งานแต่งงาน คือ งานพิธีแห่งความสุข เพราะฉะนั้นสำหรับคู่ บ่าว – สาว คู่ใดกำลังมองหา สถานที่ถ่าย Pre – wedding  สวยๆ มีบรรยากาศอันน่าจดจำ วันนี้เราจึงได้ไปเสาะหาสถานที่ที่ช่างภาพนิยมพาคู่รักไปถ่ายภาพ มานำเสนอกันค่ะ

 

อุทยาน ร.2 จ.สมุทรสงคราม

จ.สมุทรสงคราม เป็นอีกหนึ่งจังหวัดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพเท่าไหร่นัก สามารถเดินทางไปได้โดยสะดวกทั้งคู่ บ่าว – สาวและทีมงานตากล้อง โดยความโดดเด่นของอุทยาน ร.2 คือ บ้านเรือนไทยหมู่ 5 หลัง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเป็นไทยในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นอย่างแท้จริง จึงเหมาะมากกับการถ่ายภาพ Pre – wedding  ในชุดไทย ห่มสไบงดงามอย่างชุดไทยจักรีหรือชุดไทยศิวาลัย เป็นต้น นอกเหนือไปจากบ้านเรือนไทยหมู่ 5 หลัง แล้วภายในอุทยานก็ยังมีมุมสวยๆ อีกมากมาย ให้คุณได้สนุกเพลิดเพลินไปกับการถ่ายภาพ Pre – wedding ตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นบริเวณชานเรือน , ลานสนามหญ้าหน้าเรือน เป็นต้น

ค่าใช้จ่าย : 1,000 บาท/ วัน

โทร : 0-3475-1376, 0-3475-1666

La Toscana Resort

La Toscana Resort จ.ราชบุรี

หนึ่งในสถานที่ฮิตติดอันดับของ Pre – wedding อีกแห่งหนึ่งในประเทศไทย La Toscana Resort ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเมือง Tuscany ประเทศอิตาลี ด้วยอาณาเขตอันกว้างใหญ่ จึงถ่ายทำง่าย ไม่จำเป็นต้องหลบมุมผู้คน สามารถ่ายได้ทั้งมุมกว้างและมุมแคบ ห่างไกลชุมชน ผู้คนไม่พลุกพล่าน เหมาะสำหรับคู่รักที่ต้องการความเป็นส่วนตัวอย่างสุดๆ เหมาะสำหรับการพักผ่อน รวมทั้งถ่ายรูปไปด้วยในตัว มีสิ่งอำนวยความสะดวกพรั่งพร้อม ไม่ว่าจะเป็นห้องแต่งตัว , ร้านอาหาร , ห้องน้ำ เป็นต้น

ค่าใช้จ่าย : 5,500 บาท/วัน

โทรศัพท์ : 084-456-2008

suanluang r9

สวนหลวง ร.9

สวนสาธารณะขนาดใหญ่ ที่คู่รักนิยมจูงมือกันไปถ่าย Pre – wedding กันมากที่สุด โดยสวนแห่งนี้มีความกว้างใหญ่และมีสวนย่อยอยู่บริเวณด้านในอีกหลายจุด จึงสามารถเลือกมุมภาพได้อย่างหลากหลาย ไม่จำเป็นต้องเดินทางออกนอกกรุงเทพ ผู้คนไม่พลุกพล่านเท่าไหร่นัก ยิ่งถ้าไปถ่ายตอนเวลากลางวัน จวบจนถึงช่วงบ่าย แทบจะปราศจากคนเลย แต่มีข้อแนะนำคือ ถ้าใครต้องการไปถ่ายทำ แนะนำว่าควรต้องวางแผนการถ่ายให้ดี เนื่องจากสถานที่แห่งนี้กว้างใหญ่มาก และอย่าลืมพกร่มและน้ำดื่มไปด้วย ระวังขาดน้ำจนเป็นลม

ค่าใช้จ่าย : 3,000 บาท / ชุด

โทรศัพท์ : 061-835-3316

laemya-national-park

อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า จ.ระยอง

สำหรับคู่รักที่ชื่นชอบบรรยากาศทะเล แนะนำให้ไปอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า จ.ระยอง เลยห้ามพลาดเป็นอย่างยิ่ง ก่อนทางเข้าอุทยานคุณจะพบกับหาดทรายสีขาว หรือ หาดแม่รำพึง เมื่อเข้าไปในอุทยานแล้ว คุณก็จะพบกับบรรยากาศอันเป็นโขดหิน อีกทั้งยังสามารถขึ้นเขา เพื่อไปเก็บบรรยากาศสีเขียว , ต้นไม้ ทางเดินสวยๆ ได้อีกความรู้สึก โดยทะเลจะหันไปทิศตะวันตก เพราะฉะนั้นถ้าคุณอยากได้ภาพทะเลสีคราม กับท้องฟ้าสีน้ำเงิน จำเป็นต้องไปแต่เช้าตรู่ ก่อนพระอาทิตย์จะย้ายฝั่ง

ค่าใช้จ่าย : ค่าบัตร/คน 50 บาท + ค่าถ่ายทำ รวมแล้วประมาณ 1,000 บาท

คิวงานจ้างช่างภาพอิสระสามารถจองคิวได้จากที่ไหน ?

Where can an independent photographer hire queue?picc

Where can an independent photographer hire queue?

‘การถ่ายภาพ’ เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ต้องอาศัยทั้งประสบการณ์ , ทักษะฝีมือ , ไหวพริบเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า  รวมทั้งอุปกรณ์หลักและอุปกรณ์เสริมในการถ่ายภาพ ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้งานทุกอย่างออกมาดูดีที่สุด เพื่อเก็บภาพวินาทีแห่งความประทับใจไปอีกนานแสนนาน โดยช่างภาพหลายๆท่าน ลงทุนลงแรงขนอุปกรณ์ถ่ายภาพราคาร่วมหลักล้านเพื่อมาถ่ายให้ลูกค้า เพื่อตรึงวัน – เวลา ซึ่งไม่อาจย้อนกลับมาแก้ไขได้อีก เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นวันสำคัญของคุณงานไหน คุณก็ควรเลือกช่างถ่ายภาพดีที่สุด ในราคาที่คุณรับไหว สำหรับวันนี้เราจะมาแนะนำขั้นตอนจองคิวช่างถ่ายภาพอิสระให้คุณที่กำลังมองหาช่างที่ถูกใจกันค่ะ

วางแผนล่วงหน้าว่าจะจัดงานเดือนไหน หรือ เดือนไหนคุณต้องการเรียกใช้ช่างภาพ

  • เดือนที่ได้รับความนิยมในการจัดงานแต่งงาน คือ เดือน ตุลาคม – กุมภาพันธ์
  • เดือนที่ได้รับความนิยมในการจัดงานรับปริญญา คือ สิงหาคม – มีนาคม ของปีถัดไป
  • โดยเราขอแนะนำให้คุณจองคิวช่างภาพล่วงหน้าประมาณ 1 – 2 เดือน และอย่าลืมจ่ายมัดจำไว้ครึ่งหนึ่งเพื่อเป็นสัญญาผูกมัด ข้อแนะนำ คือ ไม่ควรจ่ายเงินหมดล่วงหน้า เพราะถ้าเจอผู้ไม่ประสงดีเขาอาจเชิดเงินคุณหนีได้ นอกจากนี้อย่าลืมขอใบเสร็จ หรือหลักฐานใดๆก็ตาม เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าคุณจ่ายมัดจำไปแล้ว

หาช่างภาพอิสระอย่างไรดี ?

ในยุคที่อินเตอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทในชีวิตมนุษย์มากขึ้น เราขอแนะนำให้คุณค้นหาคำว่า ‘ช่างภาพงานแต่ง’ , ‘ช่างภาพงานรับปริญญา’ ใน Google หรือ เข้าไปหาตามเว็บไซต์สื่อสังคมออนไลน์อย่าง Pantip แม้แต่จะหาใน Facebook ก็ย่อมได้ เมื่อคุณเจอช่างภาพถูกใจแล้ว ให้ดูงานและศึกษางานของเขาเยอะๆ และต้องมั่นใจว่าภาพเหล่านั้นเป็นฝีมือของเขาจริงๆ ต่อมาเมื่อคุณตัดสินใจได้แล้วอย่ารีรอจึงรีบมัดจำไปทันที เพราะช่างภาพเหล่านี้ สามารถรับงานได้วันล่ะ 1 งานเท่านั้น มิฉะนั้นคุณอาจโดนมัดจำตัดหน้าไปก่อนก็ได้

1 คิวให้เวลากี่ชั่วโมง ?

งานแต่ง – งานแต่งงาน 1 คิวช่างภาพจะทำงาน 4 – 5 ชั่วโมง หรืออาจลากยาวไปจนจบพิธี After Party แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตกลงของทั้ง 2 ฝ่าย

งานรับปริญญา –  จะแบ่งออกเป็นช่วงเช้า กับ ช่วงบ่าย นักศึกษาสามารถเลือกให้ช่างภาพมาทำงานรอบใดรอบหนึ่งก็ได้ หรือจะเหมาทั้งวันก็ได้ ขึ้นอยู่กับการตกลง

ทั้งนี้การถ่ายภาพ จัดเป็นงานที่มีทั้งศาสตร์และศิลป์ ช่างภาพแต่ล่ะคนก็จะถ่ายออกมาในสไตล์ต่างกัน มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองต่างกัน เพราะฉะนั้นถ้าคุณชอบงานของช่างท่านไหนก็จัดไปโลด เพราะอย่าลืมว่านี่คืองานของเรา

สิ่งที่ช่างภาพควรรู้ก่อนจะลั่นชัตเตอร์ถ่ายภาพสถานที่

picture

การถ่ายภาพสมัยนี้เป็นเรื่องง่ายมากขึ้น จากการเข้ามาของเทคโนโลยีสมาร์ทโฟน และกล้องดิจิตอลรูปแบบต่างๆ แต่การถ่ายรูปนั้นแม้ว่าจะกดลั่นชัตเตอร์ได้อย่างง่ายๆ แต่การจะถ่ายภาพให้สวย ตัวช่างภาพเองก็ต้องมีความรู้ความเข้าใจบางอย่างด้วยจะทำให้ได้ภาพที่ออกมาสวยงาม ว่าแต่ไอ้ความรู้บางอย่างนี้มันคืออะไร มีอะไรบ้าง

กฎ กติกา ความเชื่อ ข้อห้าม ของสถานที่

บางครั้งการเดินทางไปท่องเที่ยวที่เราไม่เคยไป หากเราประทับใจก็ไม่แปลกในการจะชักภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกกันหน่อย แต่บางครั้งก่อนเราจะถ่ายรูป เราต้องศึกษาข้อมูลมาด้วยว่า การถ่ายรูปสถานที่ตรงนั้นเป็นเรื่องเหมาะสม สมควรหรือไม่ สถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวถ่ายภาพด้วยเหตุผลต่างๆนานา เราต้องปฏิบัติตามด้วย อย่าลืมว่าเราเป็นนักท่องเที่ยวไม่ใช่นักสืบ อีกอย่างการฝืนข้อห้ามไปถ่ายรูปอาจจะส่งผลเสียได้ ยิ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อยิ่งไปกันใหญ่ อะไรทำตามได้ก็ทำตามไปเลยดีกว่า เรื่องนี้ยังรวมถึงพฤติกรรมอื่นในการท่องเที่ยวด้วยเช่น เครื่องแต่งกาย เวลาเข้าออก เป็นต้น

แสงและเงาของสถานที่

หากไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวแบบโล่งแจ้ง ช่างภาพอย่างเราหากต้องการภาพสวยงามอาจจะต้องศึกษาทำการบ้านมาสักหน่อยว่า สถานที่นั้นจะมีแสงตรงไหน แสงสวยที่สุดในช่วงเวลาใด เนื่องจากแสงและเงาจะช่วยขับให้ภาพออกมาสวยงามแบบไม่ต้องพึ่งการตัดต่อมากนัก ถ้าหากไปเที่ยวในถ้ำอาจจะต้องพกแสงไปเพิ่มเพื่อให้ได้ภาพตามต้องการ

มุมถ่ายภาพประจำ หรือ แลนด์มาร์ค

เว็บไซต์สำหรับรีวิวการท่องเที่ยวมีเยอะมากในท้องตลาด เราอาจจะต้องใช้ข้อมูลเหล่านี้เป็นพื้นฐานในการทำงานถ่ายภาพของเราด้วย กล่าวคือ เราต้องเช็คมุมกล้อง หรือ มุมถ่ายภาพ จุดแลนด์มาร์คของสถานที่ท่องเที่ยวนั้นจากเว็บไซต์เหล่านี้แหละ ทำให้เวลาไปแล้วจะได้ภาพที่สวยงาม และไม่พลาดมุมสวยๆ ไม่งั้นไปถึงแล้วไม่ได้ถ่ายอาจจะกลับมาบ่นว่า อ้าวยังไม่ได้ถ่ายรูปภาพมุมนี้เลยนี้นา เสียดายโอกาสกันไป

อาวุธคู่ใจต้องพร้อม

ทำความเข้าในสถานที่ท่องเที่ยวไปแล้ว อาวุธคู่ใจของตัวเองก็ต้องทำการบ้านด้วย ก่อนจะออกไปถ่ายภาพต้องทำการบ้านกันหน่อยว่า กล้องของเรานั้นมีความพร้อม หรือ เหมาะสมกับสถานที่ท่องเที่ยวนั้นแค่ไหน เมมโมรี่เตรียมพื้นที่ว่างพอ แบตชาร์ตเต็มหรือยังหากจะพกเลนส์ไปเสริมก็ต้องเตรียมด้วยว่า จะหยิบเลนส์ไหนไปจะช่วยให้ภาพออกมาดีที่สุด หากไปถ่ายภาพแล้วเตรียมไม่พร้อมสักอย่างมันก็เหมือนออกไปรบแล้วไม่พกดาบนั่นแหละ

ช่างภาพอย่างเราก่อนออกทริปครั้งต่อไป อย่าลืมเช็คข้อมูล มุมกล้อง สถานที่ และกล้องให้พร้อม เพื่อให้ได้ภาพสถานที่ท่องเที่ยวออกมาสวยงามจับใจ ได้ตามต้องการ

ข้อควรระวังของมือใหม่ถ่ายภาพใต้น้ำ

picture

โลกใต้ทะเลประเทศไทยนั้นถือว่าสวยงามไม่แพ้ใครเช่นกัน ทั้งความอุดมสมบูรณ์ ปะการัง สัตว์ทะเล และอีกมากมายต่างเป็นเหมือนโลกอีกใบที่ซ่อนรออยู่ใต้ทะเลของเรา แน่นอนว่านอกจากการดำน้ำลงไปสำรวจและค้นหาแล้วการหาโอกาสถ่ายภาพกลับขึ้นมาด้วยเป็นสิ่งที่หลายคนอยากจะทำ อย่างไรก็ตามการถ่ายภาพใต้น้ำไม่ง่ายอย่างที่คิด วันนี้เราขอนำเสนอข้อควรระวังของมือใหม่ในการถ่ายภาพใต้น้ำไว้ด้วย

ตั้งค่า white balance

จุดแรกที่คนถ่ายภาพใต้น้ำอาจจะไม่รู้มาก่อนก็คือเรื่องของแสง เนื่องจากใต้น้ำแสงและการมองเห็นของเราจะผิดปกติไปจากบนบก อีกทั้งแสงจะทำให้ภาพออกมาผิดเพี้ยนไปได้ เวลาเราดำน้ำลงไปแสงในระยะไม่เกิน 3 เมตรแสงสีขาวก็ยังเป็นสีขาว หากอยู่ในระดับ 4-5 เมตร สีขาวจะกลายเป็นสีเขียว และหากเกิน 5 เมตรขึ้นไป แสงสีขาวจะกลายเป็นแสงสีน้ำเงิน ดังนั้นเราต้องปรับโหมดกล้องให้มันตั้งค่า white balance ไว้ก่อน ไม่งั้นภาพออกมาสีเพี้ยนจะตกใจเอา

ตั้งระบบกันสั่น

การถ่ายภาพใต้น้ำนั้น ไม่ง่ายเท่าไรนัก ไม่ว่าจะเป็นถ่ายในทะเล แม่น้ำ หรือท้องทะเลลึก เราจะโดนกระแสน้ำพัดไปพัดมาตลอดเวลา ยังไม่รวมถึงการขยับตัวน้ำที่เราจะทำให้ตัวเองนิ่งได้ยากมาก(น้ำมันพยุงตัวเรา) นั่นทำให้เราต้องตั้งกันสั่นของกล้องเพื่อให้เวลาถ่ายภาพนั้นได้ภาพนิ่งจริงๆ อาจจะตั้งระบบกันสั้น หรือติดตั้งตัวกันสั่นก็จะช่วยได้ อย่างไรก็ตามมือของเราต้องนิ่งพอในระดับหนึ่งด้วย

ตั้งค่าความไวแสงต่ำ

แสงในน้ำทะเลนั้นมีน้อยมาก แต่เราก็ต้องค่าความไวแสงให้น้อยเข้าไว้ กล่าวคือ ค่า ISO เราต้องตั้งให้น้อยหน่อยสัก 100-200 ก็จะพอดี ถามว่าทำไมต้องเอาค่า ISO ช่วงนี้คำตอบคือ หากตั้งค่า ISO สูงมากกว่านี้ จะทำให้ภาพเกิดคลื่นแทรก หรือ สัญญาณรบกวนมากเกินไปทำให้ภาพออกมาไม่สวยได้ อีกด้านหนึ่งรูรับแสง ค่า f ควรอยู่ที่ f/8-16 ก็เพียงพอแล้ว แถมยังได้ภาพหน้าชัดหลังเบลด้วย

แฟลชไม่ต้องใช้จะดีกว่า

การถ่ายภาพในท้องทะเลแม้จะแสงน้อยอยู่แล้ว แต่ถามว่าควรใช้แฟลชไหมบอกเลยว่าไม่เหมาะ เนื่องจากแฟลชจะทำให้เห็นความขุ่นของน้ำทะเล กลายเป็นภาพที่เหมือนมีฝุ่นละอองลอยฟุ้งกระจายเต็มภาพเลยไม่สวย อีกอย่างหนึ่งคือโฟกัสของภาพควรถ่ายให้ใกล้เข้าไว้เนื่องจากสายตาคนกับสายตามองกล้องไม่เหมือนกัน ถ่ายใกล้ๆไว้ก่อนได้รายละเอียดดีกว่า สำหรับมือใหม่เวลากดชัตเตอร์ แนะนำว่าเอาแบบรัวเลย แบบกดทีเดียวได้มา 5-10 ภาพแล้วค่อยไปเลือกเอา ดีกว่าถ่ายภาพเดียวแล้วเสีย มันก็จะเสียใจซะเปล่าๆ

เทคนิคการถ่ายภาพด้วยกล้องมือถือ iPhone

Techniques with iPhone Camera

แน่นอนว่าหนึ่งในกิจกรรมยอดฮิต สำหรับผู้ใช้งาน Smartphone และชอบเล่นสื่อโซเชี่ยวต่างๆ ก็คงหนีไม่พ้นการถ่ายรูป และอัพโหลดลง Social network ไม่ว่าจะเป็นทั้ง Facebook หรือ Instagram ซึ่งถ้าภาพนั้นเป็นภาพที่ถ่ายออกมาได้อย่างสวยงาม จำนวนความชอบของผู้คนก็มากขึ้นตามไปด้วย และในปัจจุบันนี้ Smartphone ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งของเมืองไทยก็คือ iPhone นั่นเอง เพราะรูปลักษณ์หรูหรา มีระบบปฏิบัติการเป็นของตัวเอง แถมกล้องก็ได้รับการพัฒนามาจนถึงขีดสุด แต่ถึงได้รับการพัฒนามาดีอย่างไร แต่ถ้าผู้ใช้ใช้ไม่เป็นมันก็ออกมาไม่เต็มประสิทธิภาพอย่างแน่นอน วันนี้เราจึงนำเทคนิคแบบง่ายๆแต่ถ่ายออกมาสวยแน่ๆมาฝากกันค่ะ

เทคนิคการถ่ายภาพด้วยกล้องมือถือ iPhone

จับตัวเครื่องให้อยู่ในแนวนอน

ความจริงแล้วสายตาของมนุษย์นั้น ถูกจัดวางเอาไว้ในแนวนอน ถ้าเราถ่ายรูปวิวหรือสถานที่ต่างๆออกมาในแนวนอน ภาพนั้นก็จะเกิดความดึงดูดสายตาของผู้ชมมากว่านั่นเอง อีกทั้งยังเก็บรายละเอียดได้มากอีกด้วย แต่ถึงอย่างไรก็ตามเทคนิคนี้ยกเว้นกรณี ถ่ายรูปใบหน้า หรือรูปร่างของคน การถ่ายแบบแนวตั้งจะดีกว่า

จับ IPhone ให้มั่นคง

การจับโทรศัพท์ด้วยมือเดียวย่อมไม่มั่งคงเท่า 2 มืออยู่แล้ว เพราะฉะนั้นคุณควรจับ 2 มืออย่างมั่นคง นอกจากจะเป็นการป้องกันการทำโทรศัพท์ตกจากมือแล้ว ยังเป็นการช่วยเพิ่มความนิ่ง ลดอาการสั่นไหวของภาพถ่ายได้อีกด้วย

3 แชะ

เวลาที่เราต้องถ่ายภาพเป็นหมู่คณะ มักเกิดปัญหายิบย่อยเยอะแยะมากมาย เช่น เพื่อนบางคนอาจหลับตาบ้าง , ไม่มองกล้องบ้าง , กำลังทำหน้าเหว๋ออยู่บ้าง โดยปัญหานี้สามารถแก้ได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่คุณเปิดโหมดถ่ายภาพแบบต่อเนื่อง 3 ภาพในคราวเดียว โดยโหมดนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รูปดีๆมากขึ้น ทำให้คุณมีภาพดีๆเก็บไว้เป็นความทรงจำค่ะ

หลีกเลี่ยงการ Zoom ตอนถ่ายรูป

แน่นอนว่ากล้องดิจิตอลของ iPhone ทรงประสิทธิภาพ สามารถ Zoom ได้หลายเท่า แต่มันไม่ใช่การ Zoom ด้วยเลนส์ เหมือนกับกล้อง DSLR ที่มันยังเก็บคุณภาพของรูปภาพเอาไว้ได้ แต่ถ้าเป็นการ Zoom แบบดิจิตอล รายละเอียดต่างๆที่ได้มา จะไม่มีความคมชัด ภาพแตกบ้าง ภาพเบลอบ้าง ถ้าคุณทำได้แนะนำว่าเดินเข้าไปใกล้ๆในสิ่งที่อยากถ่ายดีกว่า

เปิดใช้โหมด HDR

ผู้ใช้งาน iPhone หลายๆ คนชอบบอกว่า เมื่อเปิดใช้งานโหมด HDR การทำงานของกล้องช้าลง แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริง แต่ในทางตรงกันข้าม โหมด HDR บน iPhone เป็นโหมดที่มีประโยชน์ที่ชอบถูกมองข้าม คือ เมื่อเราถ่ายภาพด้วยโหมด HDR  iPhone จะเก็บภาพ 3 ภาพภายใน 1 รอบ แต่ละภาพก็จะแบ่งออกเป็น ภาพค่าชดเชยแสงต่ำ, ภาพค่าชดเชยแสงสูง และภาพค่าชดเชยแสงปานกลาง ต่อมาเครื่องก็จะทำการนำส่วนดีที่สุดของทั้ง 3 ภาพรวมเข้าไว้ด้วยกัน ผลลัพธ์ คือ จะได้ภาพอันมีสภาพแสงสมบูรณ์ที่สุดนั่นเ

เทคนิคการถ่ายภาพ หน้าชัดหลังเบลอให้เหมือนกับมือโปร

Photography Techniques photo

Photography Techniques
หลายๆคนมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเทคนิคการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ ค่อนข้างมาก เพราะคิดว่า แค่ซื้อกล้องกับเลนส์ราคาสูงๆ ก็สามารถถ่ายได้แล้ว แน่นอนว่าถ้า เป็นอุปกรณ์คุณภาพดี เช่น มีรูรับแสงดีกว่า ก็จะถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอได้มีประสิทธิภาพมากกว่า แต่ถึงอย่างไรก็ตามวิธีที่นำมาสอนนี้ก็เป็นอีกเทคนิคหนึ่งที่ใช้การฝึกฝนก็สามารถถ่ายหน้าชัดหลังเบลอให้เหมือนกับมือโปรได้ โดยไม่ต้องซื้อเลนส์ราคาแพง ในกรณีที่เรามีงบประมาณจำกัด

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความคมชัดของพื้นหลัง ได้แก่

1. รูรับแสง
2. ความยาวโฟกัสของเลนส์
3. ระยะห่างของวัตถุกับพื้นหลัง
สรุปแล้วปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ ภาพหน้าชัดหลังเบลอ ได้แก่ ตัวเลนส์ และระยะห่างของวัตถุกับพื้นหลัง อันดับสุดท้ายคือ ความกว้างของรูรับแสง หรือรูรับแสงก็เป็นแค่ปัจจัยประกอบอีกอย่างเท่านั้น และสิ่งที่สำคัญอีกอย่างในการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอให้ออกมาสวย คือผู้ถ่ายต้องเลือก Location ดีๆ โดยต้องเลือก Location ที่ตั้งวัตถุให้มีระยะห่างกับพื้นหลังได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ขนาดของเลนส์ที่เหมาะสมก็ คือ 85 mm ขึ้นไป แต่ไม่ควรสูงถึง 300mm เพราะตัวผู้ถ่ายจะเกิดอาการเหนื่อยล้าเสียเองเนื่องจากต้องถอยออกไปยืนไกลเกินไป
และยิ่งตัวเลขของค่าF น้อย ก็จะเท่ากับรูรับแสงกว้าง ถ้ายิ่งค่ารูรับแสงกว้างเท่าไร ก็จะทำให้ภาพนั้นมีความ หน้าชัดหลังเบลอมากขึ้น พูดง่ายๆก็คือระยะที่เราไปโฟกัสนั้นจะมีความเด่นชัดขึ้น
เทคนิคยิ่งห่างยิ่งเบลอ คือ ยิ่งวัตถุที่เราถ่ายอยู่ห่างจากพื้นหลังมากเท่าไหร่ ก็จะทำให้พื้นหลังของภาพเบลอได้มากกว่า แต่ถ้ายิ่งนำวัตถุไปวางใกล้ฉากหลังมากเท่าไหร่ ระยะการเบลอของภาพก็จะน้อยไปด้วยนั่นเอง
นอกจากนี้ ความสำคัญในการก้าวไปสู่ความสำเร็จ หรือถ่ายรูปสวยออกมาตามต้องการ อีกอย่าง คือ ผู้ถ่ายต้องขยันหมั่นฝึกฝนฝีมือบ่อยๆ ทำใจเย็นๆสบายๆ ถ่ายไปเรียนรู้ไป ด้วยความสนุก อย่าใจร้อน กดดัน ตัวเองว่าจะถ่ายให้ได้ภายในครั้งเดียว แต่ควรฝึกซ้อมไปเรื่อยๆ โดยขอความร่วมมือจากเพื่อนสนิทหรือคนในครอบครัว ให้เขายืนโดยมีฉากหลัง ส่วนตัวผู้ถ่ายก็ทำการปรับระยะห่างที่เห็นว่าเหมาะสมไปเรื่อยๆ ทั้งนี้ต้องดูความสมดุลระหว่างตัววัตถุกับพื้นหลังด้วย ปรับไปเรื่อยๆจนกระทั่งได้ภาพพื้นหลังซึ่งดูนุ่มเบลอ ออกมา คุณรู้ไหมว่าการถ่ายภาพแบบนี้ไม่มีสูตรตายตัว แต่สามารถจับเทคนิคของภาพได้จากการดูผลงานของคนเก่งๆ รวมทั้งฝึกซ้อม ซ้อม ซ้อม อย่างไม่หยุดยั้ง

มุมยอดฮิตจาก Saint Petersburg

photographer

หลายคนคงได้เคยยินชื่อเสียงเรียงนามของเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก กันมากบ้างแล้ว ว่าเป็นเมืองแห่งเทพนิยาย มีทั้งโบสถ์ วิหาร พระราชวังที่สวยสดงดงาม แถมยังเป็นเมืองที่มีหญิงสาวที่สวยมากๆ จึงทำให้หลายๆ คนอยากจะไปเยือน ณ เมืองแห่งนี้ สักครั้งหนึ่งในชีวิต ภาพถ่ายเมืองนี้โดยส่วนมากจะเป็นภาพโบสถ์ วิหาร พระราชวัง ป้อม อาคาร ที่มีชื่อเสียง นั่นก็เพราะว่าในแต่ละสถานที่นั้นสวยงามสมคุณค่าแกการถ่ายภาพจริงๆ ไม่ว่าจะถ่ายออกมาในมุมไหน ก็แทบจะไม่มีที่ติ ด้วยความงดงามของเมืองนี้ จึงทำให้ช่างภาพจากทั่วโลกให้ความสนใจเดินทางมาท่องเที่ยว พร้อมเก็บภาพสวยๆ งามๆ จากเมืองแห่งนี้กลับไป
– ภาพโบสถ์แห่งหยดเลือด คือภาพที่เราเห็นกันบ่อย และเหตุผลที่เห็นบ่อยเพราะสถานที่แห่งนี้ดึงดูดความสนใจจากช่างภาพนั่นเอง เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก มีโบสถ์อันงดงามที่ตั้งอยู่ข้างๆคลอง Griboyedov ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาล่องเรือ ก็จะได้เห็นพร้อมทั้งถ่ายรูปโบสถ์แห่งนี้ไปด้วย ดังนั้นภาพส่วนใหญ่ที่เราเห็น จะเห็นเป็นภาพโบสถ์จากภายนอกที่ตกแต่งด้วยสีที่งดงาม มีหลังคาคล้ายระฆังคว่ำแต่ยอดแหลม มีหน้าต่างเป็นแบบตัวยูคว่ำ ตัวผนังโบสถ์จากภายนอกจะเป็นสีน้ำตาลอิฐ ถ่ายคู่กับคลองที่ไหลผ่านข้างๆโบสถ์ ส่วนภายในโบสถ์ ประดับไปด้วยลวดลายของกระเบื้องโมเสก ที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจและความประณีตของคนสร้างอย่างแท้จริง และหากมาถึงเมืองนี้แต่ไม่ได้เข้ามายังโบสถ์แห่งนี้ก็ถือว่ายังมาไม่ถึงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
– ภาพพระราชวังฤดูหนาว เป็นพระราชวังที่มีชื่อเสียงมากๆ ของรัสเซีย ภายนอกนั้นถูกตกแต่งด้วยโทนสี สีเขียวและขาว ในแบบของสถาปัตยกรรมแบบบาโรก ตัวพระราชวังมีลักษณะเป็น 4 เหลี่ยมผืนผ้า ซึ่งมีทั้งหมด 3 ชั้น ภายในกระกอบไปด้วยห้องจำนวนมาก แถมยังตกต่างด้วยภาพวาด มีวัตถุโบราณมากมายตั้งโชว์ให้นักท่องเที่ยวได้ชม มากกว่า 3 ล้านชิ้น
– ภาพอาคาร โดยภาพอาคารที่เราได้เห็นกันอยู่บ่อยๆ ก็คืออาคารเสนาธิการทหาร สีส้มตัดกับขาว มีลักษณะโค้งตกแต่งด้วยรถม้า และรูปปั้นนักรบ ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับโบสถ์แห่งหยดเลือด แนะนำว่าหากท่านได้ไปเยือนโบสถ์แห่งหยดเลือด เมื่อท่านชมเสร็จก็อย่าลืมที่จะมาชมอาคารแห่งนี้ต่อได้ เพียงแค่เดินออกมาไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว
– ภาพวิหาร วิหารเซ็นไอแซค เป็นวิหารที่ถูกเผยแพร่รูปภาพมากที่สุดวิหารหนึ่งในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเลยก็ว่าได้ วิหารแห่งนี้กระกอบไปด้วยประติมากรรมบอร์น และภาพวาด มีโดมสีทองที่เป็นสัญลักษณ์ขนาดใหญ่ ภายในยังมีภาพ Icon รูปเซนต์นิโคลาสเซนต์ปีเตอร์ ซึ่งเป็นโมเสกที่ใช้เวลานานมาก จึงทำให้วิหารแห่งนี้สวยงามตระกาลตา เป็นที่ดึงดูดใจของช่างภาพหลายๆ ท่าน

ช่างภาพอันดับ 1 เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก

number_1

Alexander Petrosyan ช่างภาพชาวรัสเซีย โดยเริ่มถ่ายภาพตั้งแต่ปี พ.ศ.2543 งานของอเล็กซานเดอร์ มีความแตกต่างจากช่างภาพในสมัยนั้นอยู่มาก เพราะเขามีแนวคิดที่จะนำเสนอภาพในมุมมองของความเป็นธรรมชาติ ทั้งภาพของคนที่กำลังหัวเราะ กำลังเศร้า กำลังพูดคุย ทั้งสภาพบ้านเมือง ที่แสดงให้เห็นทั้งความเจริญ ความเสื่อมโทรม รวมไปถึงวัฒนธรรมต่างๆ โดยภาพที่อเล็กซานเดอร์ถ่ายจะไม่ได้ถูกจัดฉาก ทำให้ภาพที่ออกมามีความเป็นธรรมชาติ และมีความโดดเด่น จนกระทั่งมีนิตยสารมาติดต่อให้อเขาเข้าไปเป็นช่างภาพประจำนิตยสาร

Alexander Petrosyan กับ นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก

อเล็กซานเดอร์ ได้เปลี่ยนประวัติศาสตร์วงการถ่ายภาพ ด้วยการนำมุมมองใหม่ๆ ของเมืองเซต์ปีเตอร์สเบิร์กที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็น ออกมาเผยแพร่ จนทำให้หลายๆ คนติดตามผลงานของเค้าอย่างมากมาย อเล็กซานเดอร์ เปทรอสยัน เลือกที่จะถ่ายภาพแนวสตรีท ที่ฉีกกฎการถ่ายรูปในสมัยนั้น เค้าถ่ายรูปผู้คน อาคารบ้านเรือน สถาปัตยกรรมต่างๆ ในเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก โดยเลือกที่จะถ่ายในมุมที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นกัน

ความโชคดีที่ทำให้ภาพของอเล็กซานเดอร์ แตกต่างจากช่างภาพคนอื่นๆ อีกปัจจัยหนี่ง คืออเล็กซานเดอร์ เป็นคนพื้นเมืองที่นี่ เขาจึงมีเวลาในการถ่ายภาพค่อนข้างมาก แต่ละภาพจึงออกมาอย่างหลากหลาย ครบถ้วนสมบูรณ์แบบ ซึ่งเป็นไปได้ยากหากช่างภาพจากต่างเมือง จะมาถ่ายภาพที่นี่ในระยะเวลาสั้นๆ แล้วจะทำภาพออกมาได้อย่างภาพของอเล็กซานเดอร์

อเล็กซานเดอร์ เปทรอสยัน กล่าวว่า มันเป็นเรื่องยากสำหรับช่างภาพหรือนักท่องเที่ยวที่จะให้เพียงเวลาสั้นๆ อยู่ในเมืองที่ไม่คุ้นเคย ที่จะสร้างผลงานออกมาได้อย่างน่าพอใจ มากกว่าคนที่อาศัยหรือคุ้นเคยในที่นั้นอยู่แล้ว แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เพราะถ้าหากคุณมีความพยายาม และความทุ่มเทให้กับงานมากพอ คุณสามารถที่จะใช้เวลาเข้าไปอยู่ในที่แห่งนั้น อยู่กับคนในพื้นที่นั้นทุกๆ เทศกาล ทุกฤดู ทุกวัน ได้เรียนรู้แสงในแต่ละเวลา  และเรียนรู้ทุกๆ อย่างในพื้นที่แห่งนั้น ที่เป็นปัจจัยช่วยให้ภาพของคุณออกมาสมบูรณ์แบบมากที่สุด และพยายามไม่ทำในสิ่งที่ใครหลายๆ คน ทำมาซ้ำๆ เดิมๆ เพราะมันน่าเบื่อ

อเล็กซานเดอร์ ไม่ชอบที่จะถ่ายรูปวิวสวยๆ โดยให้เหตุผลไว้ว่า รูปภาพพวกนี้มีคนถ่ายสวยๆ ไว้มากพอแล้ว เขาเองอยากจะสร้างความแตกต่าง สร้างเอกลักษณ์ให้กับผลงานของตัวเอง เพื่อความสุขและคุณค่าของภาพนั้นๆ แถมยังได้เป็นส่วนหนึ่งในการเผยแพร่มุมมองในแง่ต่างๆ ของผู้คน เทศกาล  อาคารบ้านเรือนในมุมมองต่างๆ ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก รวมถึงความงดงามของเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในแต่ละฤดูด้วย ซึ่งแน่นอนว่า Alexander Petrosyan ช่างภาพผู้มากความสามารถและผู้ที่มีความคิดที่แตกต่างท่านนี้ ย่อมได้รับรางวัลจากการถ่ายภาพอย่างมากมายหลายรางวัล เช่นรางวัล St. Petersburg Award for Photographer of the Year 2 ปีซ้อนด้วยกัน และรางวัลสูงสุดของช่างภาพนักเดินทางใน daily life catalog