หลายๆคนมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเทคนิคการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ ค่อนข้างมาก เพราะคิดว่า แค่ซื้อกล้องกับเลนส์ราคาสูงๆ ก็สามารถถ่ายได้แล้ว แน่นอนว่าถ้า เป็นอุปกรณ์คุณภาพดี เช่น มีรูรับแสงดีกว่า ก็จะถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอได้มีประสิทธิภาพมากกว่า แต่ถึงอย่างไรก็ตามวิธีที่นำมาสอนนี้ก็เป็นอีกเทคนิคหนึ่งที่ใช้การฝึกฝนก็สามารถถ่ายหน้าชัดหลังเบลอให้เหมือนกับมือโปรได้ โดยไม่ต้องซื้อเลนส์ราคาแพง ในกรณีที่เรามีงบประมาณจำกัด
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความคมชัดของพื้นหลัง ได้แก่
1. รูรับแสง
2. ความยาวโฟกัสของเลนส์
3. ระยะห่างของวัตถุกับพื้นหลัง
สรุปแล้วปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ ภาพหน้าชัดหลังเบลอ ได้แก่ ตัวเลนส์ และระยะห่างของวัตถุกับพื้นหลัง อันดับสุดท้ายคือ ความกว้างของรูรับแสง หรือรูรับแสงก็เป็นแค่ปัจจัยประกอบอีกอย่างเท่านั้น และสิ่งที่สำคัญอีกอย่างในการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอให้ออกมาสวย คือผู้ถ่ายต้องเลือก Location ดีๆ โดยต้องเลือก Location ที่ตั้งวัตถุให้มีระยะห่างกับพื้นหลังได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ขนาดของเลนส์ที่เหมาะสมก็ คือ 85 mm ขึ้นไป แต่ไม่ควรสูงถึง 300mm เพราะตัวผู้ถ่ายจะเกิดอาการเหนื่อยล้าเสียเองเนื่องจากต้องถอยออกไปยืนไกลเกินไป
และยิ่งตัวเลขของค่าF น้อย ก็จะเท่ากับรูรับแสงกว้าง ถ้ายิ่งค่ารูรับแสงกว้างเท่าไร ก็จะทำให้ภาพนั้นมีความ หน้าชัดหลังเบลอมากขึ้น พูดง่ายๆก็คือระยะที่เราไปโฟกัสนั้นจะมีความเด่นชัดขึ้น
เทคนิคยิ่งห่างยิ่งเบลอ คือ ยิ่งวัตถุที่เราถ่ายอยู่ห่างจากพื้นหลังมากเท่าไหร่ ก็จะทำให้พื้นหลังของภาพเบลอได้มากกว่า แต่ถ้ายิ่งนำวัตถุไปวางใกล้ฉากหลังมากเท่าไหร่ ระยะการเบลอของภาพก็จะน้อยไปด้วยนั่นเอง
นอกจากนี้ ความสำคัญในการก้าวไปสู่ความสำเร็จ หรือถ่ายรูปสวยออกมาตามต้องการ อีกอย่าง คือ ผู้ถ่ายต้องขยันหมั่นฝึกฝนฝีมือบ่อยๆ ทำใจเย็นๆสบายๆ ถ่ายไปเรียนรู้ไป ด้วยความสนุก อย่าใจร้อน กดดัน ตัวเองว่าจะถ่ายให้ได้ภายในครั้งเดียว แต่ควรฝึกซ้อมไปเรื่อยๆ โดยขอความร่วมมือจากเพื่อนสนิทหรือคนในครอบครัว ให้เขายืนโดยมีฉากหลัง ส่วนตัวผู้ถ่ายก็ทำการปรับระยะห่างที่เห็นว่าเหมาะสมไปเรื่อยๆ ทั้งนี้ต้องดูความสมดุลระหว่างตัววัตถุกับพื้นหลังด้วย ปรับไปเรื่อยๆจนกระทั่งได้ภาพพื้นหลังซึ่งดูนุ่มเบลอ ออกมา คุณรู้ไหมว่าการถ่ายภาพแบบนี้ไม่มีสูตรตายตัว แต่สามารถจับเทคนิคของภาพได้จากการดูผลงานของคนเก่งๆ รวมทั้งฝึกซ้อม ซ้อม ซ้อม อย่างไม่หยุดยั้ง